acrylic paint

สำหรับประสบการณ์ใช้สี acrylic ของผมนะครับ ...

ปกติผมมีใช้สี acrylic ทั้งสีหลอดและสี Tamiya ผสมน้ำ (สี Citadel ยังไม่เคยใช้แต่อยากลองเหมือนกัน) สีหลอดจะข้นหน่อยต้องละลายน้ำแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนสี Tamiya จะเหลวๆเพราะทำมาสำหรับพ่น ถ้านำมาทาผมเคยใส่น้ำลงไปก็ละลายใช้ทาได้ แต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มาลอง X20A ผสมลงไป ก็เจือจางได้ดี แต่มันแห้งเร็วมาก สุดท้ายก็มาได้น้ำยาแบบนี้ครับ (ขวดสีขาวฟ้า)

เป็น acrylic retarder ได้มาจากร้านสมใจ ขวดเล็กนี้ร้อยกว่าบาท เอามาผสมสี Tamiya ช่วยให้ทาง่ายขึ้นเยอะ แห้งช้า ใส่แค่ 1-2 หยดต่อหลุมสีก็อยู่ได้ค่อนวัน ถ้าใส่แบบเป็นตัวเจือจางแทนน้ำเลย ผมเคยเจอว่าอยู่ได้เกือบ 2 วันกว่าจะแห้ง หลังๆผมก็เลยอาศัยน้ำยานี่แหละครับ ถ้าสีข้นไปก็หยดน้ำลงไปเจือจาง แต่ถ้ารู้สึกสีหนืดเร็ว หรือมันแห้งไวเกินก็หยด retarder ลงไปทีละหยด พอได้ความหนืดพอดีแล้วก็ทาได้เป็นชั่วโมงๆ พอมันเริ่มหนืดก็หยดน้ำเปล่าลงไป 1-2 หยดเป็นครั้งๆ

สี acrylic อาจใช้ไม่ง่ายแบบสี Gunze ความสามารถในการละลายน้อยกว่า บางทีมันชอบแยกชั้นต้องคนสีบ่อยๆ ส่วนความแน่นของสี (หมายถึงความแน่นของสีในการทาทับแต่ละครั้ง ทำให้ไม่ต้องทาหลายชั้นมาก หรือผสมจางหน่อยแต่ก็ทาแล้วสีก็ยังมีความอิ่มทาแล้วสีดูแน่น) ผมว่ายี่ห้อดีๆน่าจะไม่แพ้สีสูตร Gunze นะครับ แต่ผมก็ไม่เคยใช้ เข้าใจว่ายี้ห้อ Citadel ,Vallejo ซึ่งทำมาสำหรับงานโมเดลน่าจะดีมาก

อีกอย่าง คุณสมบัติ สีที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่คล้ายกับว่า สี Gunze จะเวลาทาหรือพ่นแล้วจะเพียงแค่แห้ง (dry) อยู่บนผิวสัมผัส แต่ไม่มีการแข็งตัว (curing) เปลี่ยนสภาพเป็นชั้นฟิลม์ไม่ว่าจะทิ้งให้แห้งนานเท่าไหร่ ดังนั้นสี gunze ที่แห้งคาก้นขวดสามารถหยด thinner นำมาใช้ใหม่ได้

ส่วนสีกลุ่ม aqueous acrylic lacquer (หมายถึงสี acrylic ตามที่เราเรียกกันจนชิน) จะมีคุณสมบัติ curing คือเมื่อตัวทำละลายระเหยไปหมดจนแห้งแล้ว ตัวเรซิ่นในเนื้อสียังมีปฏิกิริยาต่อไปอีก ในการ form ตัวจับกันเป็นแผ่น film แข็งเคลือบหน้าผิวงานไว้ ซึ่งแผ่น film นี้เมื่อแข็งตัว (cure) เต็มที่แล้ว จะไม่สามารถละลายกลับมาเป็นสีเหลวๆได้อีก ดังนั้นเวลาทา เราสามารถทาเป็นชั้นๆ ถ้าสีชั้นก่อนหน้าแห้งดีแล้ว จะไม่ต้องกลัวว่าจะละลายลอกออกมา และก็เนื่องจากคุณสมบัตินี้ ทำให้สี acrylic เมื่อแห้งคาขวดก็โยนทิ้งสถานเดียว นอกจากนี้ผมเคยอ่านจาก web ของผู้ผลิตสีอย่าง liquitex เอง เขาก็อ้างว่าสีมีอายุบนชั้นวาง (หมายถึงวางขายหน้าร้าน) ที่ประมาณ 4-5 ปี ดังนั้นผมคิดว่าสีสูตรนี้มีอายุ ถ้าเก็บสีไว้จนเก่าใช้ไม่หมด น่าจะเสื่อมลงได้ ดังนั้นเวลาซื้อถ้าให้ดีต้องดูปีผลิตด้วย

สุดท้ายเป็นความรู้ที่ผมเคยได้ยินมานะครับ เขาว่าไม่ควรเติมน้ำลงไปในขวดสี สาเหตก็เพราะคุณภาพของสีจะเปลี่ยนไป อธิบายก็คือ ปกติแล้วตัวที่ทำให้สีซึ่งประกอบไปด้วย รงควัตถุ (เม็ดสี) และ binder (สารยึดเกาะช่วยให้ผงเม็ดสีเกาะติดกับหน้างาน เช่นเรซิ่น) อยู่ในสภาพเป็นของเหลวพร้อมใช้งานก็คือ ตัวทำละลาย (dissolvant) โดย ตัวทำละลายนี้ จะสามารถทำละลายทั้งเม็ดสีและเรซิ่นได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อสีบนผิวงานแห้ง ตัวทำละลายนี้จะระเหยไปหมด เหลือเพียงเม็ดสีกับสารยึดเกาะเคลือบอยู่ น้ำยาที่เป็น dissolvant นี้จะผสมอยู่ในเนื้อสีจากผู้ผลิต มีราคาแพงและปกติไม่ได้มีขายต่างหาก

ทีนี้สาหตที่ไม่ควรเติมน้ำลงไปในขวดสีเลยก็เพราะ น้ำไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นตัวทำลายครับ มันจะไม่สามารถทำละลายของแข็งในสีได้อย่างสมบูรณ์ คือมันจะทำหน้าที่ได้เป็นเพียงตัว เจือจาง (dilutant) เท่านั้น กล่าวคือเป็นของเหลวที่ทำให้เนื้อสีเหลวจนพอเหมาะกับการใช้งาน และเมื่อมีการเติมน้ำลงไป คุณสมบัติของสีจะเปลี่ยนไปจากสีตอนเริ่มเปิดขวด ดังนั้นควรเติมน้ำเฉพาะกับสีที่กำลังผสมใช้งานอยู่น่าจะดีที่สุด และไม่ควรเทสีที่ผสมน้ำแล้วกลับเข้าไปในขวด

ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวผมสัก 20% กับทฤษฎีที่ผมอ่านมา 80% นะครับ ผมก็ยังทำสีไม่เก่ง คิดว่าพี่ๆเพื่อนๆที่มีประสบการณ์อาจพบว่าที่ผมเขียนมีข้อผิดพลาดก็รบกวนชี้แนะได้เลยครับ :-)