ทำสีโมเดลกันดั้ม แอร์บรัช โมเดล ทำสีโมเดล หนังสงคราม หนังทหาร โมเดล model gundam กันพลา อุปกรณ์ สอน ขาย จำหน่าย วิธี ทำ ประกอบ กันดั้ม เครื่องบิน เรือ รถถัง ฟิกเกอร์ ประกอบ ทำสี ต่อ สร้าง พลาสติก gunpla ตัดเส้น ต่อดิบ คีมตัด หุ่นยนต์ gundamtool 
http://www.thaigundam.com/forum/index.php?topic=29079.msg231633#msg231633
ประกอบ ทำสี gundam
ประกอบ ทำสี gundam
ประกอบ ทำสี gundam
ประกอบ ทำสี gundam
ปัญหาที่พบบ่อย ทำโมเดล
หนังสือประวัติศาสตร์ สงคราม ทหาร สงครามโลก
ทำสีโมเดลกันดั้ม แอร์บรัช โมเดล ทำสีโมเดล หนังสงคราม หนังทหาร โมเดล model gundam กันพลา อุปกรณ์ สอน ขาย จำหน่าย วิธี ทำ ประกอบ กันดั้ม เครื่องบิน เรือ รถถัง ฟิกเกอร์ ประกอบ ทำสี ต่อ สร้าง พลาสติก gunpla ตัดเส้น ต่อดิบ คีมตัด gundamtool  - รับชมจบแต่ละหน้าแล้วที่มุมขวาล่างสุด คลิก "บทความที่เก่ากว่า" ยังมีบทความเพิ่มอีกนะครับ - ติดต่อพูดคุย ปรึกษา หรือให้คำแนะนำ ผมได้เลยที่ kit556แอ๊ดgmail.com หรือ comment ในแต่ละบทความ หรือ คลิก ติดต่อแวะชม facebook ผมได้ครับ

หนังสงคราม น่าชม

สำหรับ คนเล่นโมเดลแนวเสกลโมเดลนะครับ ต้องมีแรงบันดาลใจจากหลายๆอย่าง อย่างหนึ่งคือการดูหนังแนวสงคราม ที่ผมชอบมากคือแนวสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งหนังยุค classic เช่น The longest day , A bridge to far หรือ The Battle of the Bulge เป็นหนังยุคที่การถ่ายทำยังไม่ดี แต่แนวเรื่องจะอิงไปทางสารคดีปนกับบทหนัง ที่มีตัวเอก หรือปมเหตุการณ์เป็นตัวเดินเรื่อง ถ้าไม่ติดว่าชอบเฉพาะหนังใหม่ๆ ก็น่าจะหาโอกาสชมมากๆครับ

ส่วนหนังที่ใหม่หน่อยก็มีออกมาปีละเรื่องสองเรื่อง แต่กระแสหนังสงครามก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แม้จะไม่ตายหายไป  วันนี้ผมจะแนะนำเรื่องหนึ่งซึ่งจริงๆไม่ใช่หนัง แต่เป็น mini series ครับ การันตี ความมันเพราะสร้างจากผู้กำกับชื่อดัง สปีลเิบิกร์ หนังภาคแรกของเขาเป็น mini series เช่นกัน ชื่อ Band of brothers ส่วนตอนที่สอง ออกมาราว 1-2 ปีแล้ว เป็นเรื่องที่ผมจะนำมาแนะนำครับ

ชื่อเรื่องคือ The Pacific ซึ่งจะเป็นการรบบนอีกสมรภูิมิต่างจากภาคแรก


ตัวบทหนัง ได้มาจากหนังสือ 3 เล่ม โดยคนสร้างหนัง ผูกบทของพลทหาร 3 คนเข้าด้วยกัน หนังสือเล่มที่ได้รับการแปลเป็นไทยด้วยชื่อ With the Old Breed ตัวเอกของเรื่องเป็นพลทหารไฟแรงที่อาสาไปรบท่ามกลางไฟสงครามที่ต้องการการเสียสละ แม้ครอบครัวจะคัดค้าน




เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาแต่ละครั้ง ทำให้มุมมองต่อสงครามของพลทหารหนุ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง เขาต้องย้อนกลับมาหาคำตอบของสงคราม ว่าจริงๆแล้วมันเพื่ออะไรกันแน่


 โทนของหนังค่อนข้างจะหดหู่และดิบ ฉากที่รุนแรงจนแทบรับไม่ได้มีเยอะมาก เมื่อเทียบกับหนังภาคแรก แต่ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่า คนเขียนหนังสือเป็นพลทหารที่สัมผัสกับเหตุการณ์ตรง ต่างจากภาคแรกที่คนเขียนเป็นนายทหารซึ่งท้ายๆเรื่องก็ขึ้นถึงระดับนายพัน จึงเป็นมุมมองจากเบื้องบนมากกว่า


ถ้าได้ดูหนังมาก่อน จะพบว่าอ่านหนังสือไม่สนุกครับ เพราะสปีลเบิกร์ ถ่ายทอดตัวหนังสือออกมาเป็นหนังได้ชนิดหมดจด อย่างกับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เอง แต่การได้อ่านหนังสือก็เติมเต็มรายละเอียดให้เต็มอิ่มขึ้น

ไว้มีโอกาสจะเอา stock หนังที่เหลือมาแนะนำเรื่อยๆครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น